Rum Fruit Cake


     

                                                     Rum Fruit Cake



เคยทานฟรุตเค้กกันไหมค่ะ? ส่วนตัวเคยทานแบบที่ใส่เชอรี่เขียวแดง อืม...ไม่ชอบเลยค่ะ รู้สึกว่าไม่อร่อย จนเมื่อหัดทำขนมได้บ้าง จึงค้นสูตรหาทำเองค่ะ การทำเองดีอยู่ที่อยากใส่อะไรก็ได้เท่าที่มี นี่แหละเสน่ห์ของโฮมเมด ^^ ถึงแม้ไม่มีเครื่องผสม แต่ก็ทำออกมาได้ไม่เลวทีเดียวค่ะ (ชมตัวเอง) ฟรุตเค้กสูตรนี้อร่อยจริงค่ะ ทำ2ครั้ง หมดทุกครั้ง ครั้งที่2 จึงเพิ่มถั่วเพื่อเคี้ยวลงไปด้วย หลานๆถูกใจค่ะ ลองทำทานกันดูนะคะ ทำในโอกาสพิเศษก็ดีคะ ของขวัญจากใจอะไรก็สู้ไม่ได้ จริงไหมคะ
                                                         
สูตรจากแม่ปูที่ลิงค์นี้ค่ะ



ส่วนเค้ก

แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1  1/4 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ground all spice 1/2 ช้อนชา (ถ้าไม่มีใส่ลูกจันทร์ป่นแทน)
อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา
เนยจืดนุ่มๆ  170 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายแดง 1/4  ถ้วยตวง
(ใช้น้ำตาลทรายสีทองรวม 1 ถ้วยตวงค่ะ)
วานิลาแอ้คแทรค 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 3 ฟอง 

ส่วนผลไม้หมัก

สตอร์เบอรรี่แห้ง 5๐ กรัม
เปลือกส้มโออบแห้ง 5๐ กรัม
แอ้ปเปิ้ลอบแห้ง 6๐ กรัม
อินทผลัมแห้ง 5๐ กรัม
สับปะรดอบแห้ง 5๐ กรัม
ลูกเกดดำ  50  กรัม
กล้วยตาก 30  กรัม
กีวี่แห้ง 50  กรัม
ดอกกระเจี๊ยบเชื่อมแห้ง 20  กรัม
เหล้ารัม 1/2 ถ้วยตวง
น้ำส้มคั้น 1 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ



วันนี้ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสค่ะ ปริมาณไม่ได้ชั่งตวง กะเอาล้วนๆ ฮ่าๆ

ส่วนของผลไม้แห้งต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 คืนนะคะ
ซึ่งในภาพ จริงๆ ใช้2ส่วนค่ะ คือผลไม้ที่หมักไว้ตั้งแต่หัดทำเค้กนี้ครั้งแรก รวมๆก็เกือบ 5 เดือนได้ 
ฉ่ำเหล้ารัมม๊ากกกกกก
อีกส่วนเป็นผลไม้แห้งที่เน้นสีสันสักหน่อย รวมๆแล้ว ผลไม้ที่ใช้มากกว่าสูตรกำหนดอีกค่ะ มีอะไรใส่หมดว่างั้น อิอิ

ผลไม้นี้ถ้ายิ่งหมักเหล้าไว้นาน สีสันจะไปทางแดงนะคะ ดังนั้นจึงเติมผลไม้แห้งโทนเขียวเหลืองไปเพิ่มค่ะ จะได้สวยๆ

ผลไม้ : Kiwi แห้ง , Strawberry แห้ง,ลูกพรุน,อินทผลัม,สัปปะรดแห้ง,กล้วยตาก,แอปริคอตแห้ง,ลูกเกด,เปลือกส้มโออบแห้ง,ผิวส้มขูด,กระเจี๊ยบแห้ง หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆขนาดเท่าๆกันหมักด้วยเหล้ารัม น้ำส้มคั้น และน้ำผึ้งค่ะ

พอจะใช้ ให้เอามากรองบนตะแกรง แล้วเก็บน้ำหมักไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรีบทิ้ง 

หั่นเนยเป็นชิ้นค่ะ เนยนี้ทิ้งไว้นอกตู้เย็นให้นิ่มแต่ไม่เหลวนะคะ



ร่อนแป้ง ผงฟู ผงเครื่องเทศ รวมกันรอไว้ค่ะ 


   
มาเริ่มกันเลย ตีเนยให้ฟูๆไม่เป็นก้อนค่ะ ไม่มีเครื่องผสมใช้ตระกร้อมือก็ทำได้นะ ออกแรงตีๆเคาะๆไม่ให้ติดในตระก้อช่วงแรก พอเริ่มเคาะออกง่ายๆก็จากนั้นใส่น้ำตาลค่ะ
(วันนี้ใช้น้ำตาลทรายสีทองล้วนๆค่ะ สีสวยดี)




         ตีจนเข้ากัน ถ้าใครใช้เครื่องผสม ก็ตีจนฟูเห็นลายก้นหอยที่ขอบอ่างเป็นใช้ได้ 
แต่ในกรณีใช้ตระกร้อมือแบบนี้ อาจตีได้ไม่ฟูมาก
 แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวใส่ไข่ลงไปน้ำตาลจะกระจายดีขึ้นเอง




 ตอกไข่ฟองแรกลงไป (ใส่ทีละฟองนะคะ) แล้วตีให้เข้ากัน ช่วงแรกเนื้อจะเหมือนว่าแยกกัน อดทนตีแป๊ปเดียวค่ะ จะเนียนขึ้น น้ำตาลทรายก็จะละลายไปบางส่วนด้วย ใส่ไข่ฟองที่2ตามไปค่ะ

ไข่ฟองที่ 2




และฟองที่ 3
จากนั้นตีให้เนียนเลยนะคะ ส่วนผสมจะฟูขึ้นเล็กน้อย ไม่เห็นเกร็ดน้ำตาลทรายแล้วนะคะขั้นตอนนี้



ใส่กลิ่นวนิลาค่ะ แล้วผสมให้เข้ากัน 
(ขั้นตอนนี้ถ้าส่วนผสมยังไม่เนียนและฟู เป็นเนื้อเดียวกัน 
ต้องตีจนเนียนก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นถ้าใส่แป้งแล้ว ตีนานๆจะเหนียวค่ะ)



ทยอยใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไป แบ่งใส่สัก 3 รอบนะคะ 


ผสมจนเป็นเนื้อเดียว ไม่เห็นฝุ่นแป้งขาวๆค่ะ


โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป โรยทั่วๆค่ะ แล้วผสมเบาๆมือ


ใส่ผลไม้แห้งลงไปเลยค่ะ 


ส่วนผสมสุดท้ายออกมาแบบนี้ 
(แอบจิ้มชิมนิดนึง อื้ม หวานพอดีๆ ฮ่าๆ)


ตักใส่พิมพ์ค่ะ
พิมพ์ขนาดที่เห็นในรูป จะได้ 3 พิมพ์พอดีค่ะ
ถ้าใช้พิมพ์อบเค้ก ให้ปูกระดาษรองอบนะคะ 


จากนั้นส่งเข้าอบค่ะ อบด้วยอุณหภูมิ ๓๒๕ องศาฟาเรนไฮน์ ๑๕ นาที
                           แล้วลดอุณหภูมิลงเหลือ ๓๐๐ องศาฟาเรนไฮน์ อบต่ออีก ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที

วิธีเช๊ดสุกก็ไม้ปลายแหลมจิ้มดูไม่มีเศษแป้งติดขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ (ระวังจะแห้งไปนะคะ ดูสีหน้าขนมประกอบด้วย) ถ้าใส่พิมพ์อบก็เอาออกมาวางบนตะแกรง พักเค้กไว้ในพิมพ์ ๒๐ นาที ก่อนนำเค้กออกจากพิมพ์ แล้วทาน้ำหมักให้ทั่วค่ะ ยิ่งทามาก เค้ก ยิ่งฉ่ำและหอม 


จากนั้นห่อฟอยด์เก็บเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาค่ะ เท่าที่อ่านมา เก็บไว้เป็นเดือน ออกมาเนื้อขนมจะเป็นดังรูปข้างล่างนะคะ คือแน่นขึ้น หนักเล็กน้อย แต่อร่อยแบบฟรุตเค้กค่ะ แต่ถ้าทานเลย เนื้อขนมจะฟูเบากว่าแบบรูปด้านบนสุดค่ะ ส่วนตัวชอบแบบอบเสร็จใหม่ๆมากเลย ที่ทำครั้งนี้ ก็ทานกันเลยค่ะ หมดใน2วัน ทุกคนชมว่า อร่อยมากกกกกกกก 




อีกสักรูป อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



0 comments:

แสดงความคิดเห็น

.
Morningglory Khae. ขับเคลื่อนโดย Blogger.